#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
เรื่อง เรามาใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทกันเถิด
เรื่อง เรามาใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทกันเถิด
ขอยกพระบาลีบทนี้ มาอธิบายแก่ท่านทั้งหลาย ความว่า
“อปฺปมาโท อมตํปทํ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ เย ปมตฺตา ยถา มตา”
“ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งอมตะ ความไม่ประมาทเป็นทางสู่ความไม่ตาย”
คำว่า “อมตะ” หมายถึง ไม่ตาย คือ นิพพานนั่นเอง พุทธสุภาษิต นี้เป็นภาษาธรรมล้วน ๆ
คำว่า “ทาง” คือ เป้าหมาย โดยอาศัยความไม่ประมาทเพื่อดำเนินสู่อมตะธรรม (พระนิพพาน) เป็นอิสระภาพทางจิตใจอันปราศจากความทุกข์, ปราศจากกิเลส ฉะนั้น คำว่า “ตาย” ในภาษาธรรม หมายถึง จิตใจที่ทุกข์ ก็คือจิตใจที่ตายนั่นเอง, ผู้ประมาท แม้มีชีวิตอยู่ ก็เปรียบเสมือนคนที่ตายแล้วซึ่งตรงข้ามกับ จิตใจอมตะ คือ ปราศจากความทุกข์จึงเป็น “อมตะไม่มีวันตาย”
พระพุทธเจ้าทรงผนวชเพื่อแสวงหาอมตะธรรม และได้ตรัสรู้ที่ต้นมหาโพธิ์พบ”นิพพาน”ในที่สุด, ดังปัจฉิมโอวาท ว่าด้วยความไม่ประมาทเป็นทางแห่งอมตะ อันทุกท่านพึงมีในตน โดยการใช้สติสัมปชัญญะให้พร้อมสมบูรณ์ ซึ่งต้องอาศัยความไม่ประมาท ประคองตนไม่ให้มีความทุกข์เกิดขึ้นคือเกิดจิตใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว ตกอยู่ในกิเลส หากใจมีกิเลส คือ หลับด้วยอำนาจของกิเลส อาทิเช่น บุคคลที่มีความคิดปรุงแต่งเกิดทุกข์ เกิดสุขอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะหาความสงบในใจไม่ได้นั่นเอง ดังนั้นจึงต้องอาศัย “สติ” เพื่อระลึกถึงการรู้ตัว ตื่นรู้ใจ ตื่นรู้กายในทุกขณะนั่นเอง
ผู้ประมาท แม้มีชีวิตอยู่ ก็เปรียบเสมือนคนที่ตายแล้ว ดังพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ก่อนดับขันธ์ปรินิพพาน ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราจักเตือนท่านทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด” เมื่อรู้เช่นนี้แล้วในฐานะ เราชาวพุทธ จงพึงประพฤติปฏิบัติตนตามรอยพระยุคลบาทขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาด้วยการดำเนินชีวิตอยู่ในความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด.
เรียบเรียบธรรมบรรยาย โดย. ลลิต มณีธรรม