#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
##จิตเดิมแท้ คือถาวรจริง#!!!
##คำสอนของท่านเว่ยหล่าง, อยู่ในหมวดที่ ๙, หน้า ๑๒๗; จะนำมาเขียนสัก ๖ ประโยค ดังนี้ :-
##ประโยคที่ ๑ ""ชิตกันถามว่า "ถ้ากระนั้น คำสอนของสำนักมหายานได้แก่อะไร?" พระสังฆนายกตอบว่า "ในทัศนะของสามัญชน ปัญญาและอวิชชา เป็นของสองสิ่งแยกจากกัน""
คำว่า สามัญชน หมายถึง ปุถุชนธรรมดาทั่ว ๆ ไป เขาจะมีความเข้าใจว่า ปัญญาเป็นฝ่ายดี เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ส่วนอวิชชาเป็นสิ่งที่ไม่ดี อยู่ในฝ่ายเสื่อม และให้ความสำคัญกับปัญญา พยายามพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป เรียกว่า ยินดีในปัญญา แต่ยินร้ายในอวิชชา.
##ประโยคที่ ๒ ""ส่วนคนฉลาด ผู้ได้ตระหนักชัดถึงภาวะที่แท้แห่งจิตโดยตลอดแล้ว ย่อมรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ มีธรรมชาติเป็นอย่างเดียวกัน; ธรรมชาติอันเป็นอย่างเดียวกัน หรือธรรมชาติอันไม่เป็นของคู่นี้ คือสิ่งที่เรียกว่า ธรรมชาติที่แท้จริง""
ท่านเว่ยหล่างได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ฉลาดซึ่งตระหนักแจ้งชัดอยู่กับจิตเดิมแท้นั้น มองเห็นว่า ระหว่างปัญญากับอวิชชา ก็คือ สิ่งเดียวกัน ไม่แยกจากกัน หมายถึง อยู่ในกลุ่มของความคิดปรุงแต่ง ปัญญาจำ ปัญญาคิด ก็ปรุงแต่ง, อวิชชา ความไม่รู้ก็ปรุงแต่ง.
##ประโยคที่ ๓ ""ซึ่งในกรณีของสามัญชนหรือคนโง่ ก็ไม่ได้มีน้อยลง และในกรณีของปราชญ์ผู้บรรลุความเห็นแจ้งแล้ว ก็ไม่ได้มีมากขึ้น""
สภาวะที่เรียกว่า จิตเดิมแท้ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์นั้น ท่านกล่าวว่า ระหว่างสามัญชนหรือคนโง่ กับปราชญ์ผู้บรรลุความเห็นแจ้งแล้ว มิได้มีความแตกต่างกัน, ไม่ใช่ว่า ถ้าเป็นสามัญชน สภาวะจิตเดิมแท้ จะมีน้อยลง หรือถ้าเป็นปราชญ์ผู้บรรลุความเห็นแจ้งแล้ว จะมีมากขึ้น ท่านย้ำว่า จิตเดิมแท้นั้นเหมือนกัน.
##ประโยคที่ ๔ ""เป็นสิ่งที่ไม่ได้ไหวสะเทือนในสภาพที่มีความวุ่นวาย และก็ไม่ได้สงบนิ่งในสภาพที่มีสมาธิ; ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถาวร และก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ถาวร""
ท่านกล่าวว่า สภาวะแห่งจิตเดิมแท้ เป็นสิ่งที่ไม่หวั่นไหวสะเทือน แม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายสับสน และก็ไม่ได้สงบนิ่งในลักษณะแข็งทื่อ (สงบแบบหินทับหญ้า) ในขณะที่เป็นสมาธิแบบไม่ใช้พลังงาน (จิตพักนิ่ง ๆ); ถาวรและไม่ถาวรเป็นลักษณะของความคิดปรุงแต่ง, จิตเดิมแท้ ว่างจากความคิดเหล่านี้.
##ประโยคที่ ๕ ""ไม่ได้ไปหรือมา, ไม่อาจพบได้จากภายนอก และก็ไม่อาจพบได้จากภายใน, หรือไม่อาจพบได้ในอวกาศ ซึ่งอยู่ในระหว่างสิ่งทั้งสองนี้, เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความมีอยู่และความไม่มีอยู่""
คำว่า "ไปหรือมา" ใช้กับสิ่งที่ปรุงแต่ง (สังขตะ); จิตเดิมแท้ ไม่ได้อยู่ภายนอก, จิตเดิมแท้ มิได้อยู่ภายใน, จิตเดิมแท้ มิได้อยู่ตรงกลางระหว่างภายนอกกับภายใน; และท่านชี้ให้เห็นว่า เป็นภาวะที่อยู่เหนือความคิดว่า มีอยู่ และความคิดว่า ไม่มีอยู่.
##ประโยคที่ ๖ ""เป็นสิ่งที่มีธรรมชาติและปรากฏการณ์อยู่ในสภาพความเป็นเช่นนั้นตลอดไป เป็นสิ่งที่ถาวรและไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งนี้แหละคือ หลักธรรม""
จิตเดิมแท้เป็นธรรมชาติแห่งความเป็นเช่นนั้นเอง ที่เรียกว่า ตถตาหรือตถาตา และท่านยืนยันว่า เป็นสิ่งที่ถาวรไม่เปลี่ยนแปลง, คำว่า "ถาวร" ในที่นี้ ไม่ใช่ถาวรที่เป็นคู่กับไม่ถาวร ซึ่งเป็นลักษณะของความคิดปรุงแต่ง แต่เป็นความถาวรชนิดที่อยู่เหนือสิ่งคู่ ท่านกล่าวว่า นั่นแหละคือ หลักธรรม. (๒๓ มี. ค.๖๓)