#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
#สิ่งคู่เป็นมายา.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง (บทที่ ๒) ขอแบ่งเป็น ๒ ตอน, ตอนแรก แบ่งออกเป็น ๗ ประโยค ดังนี้ :-
#ประโยคที่ ๑ "เมื่อผู้คนเห็นว่าบางสิ่งสวย สิ่งอื่นก็กลายเป็นสิ่งน่าเกลียด"
ความสวยความน่าเกลียดเป็นลักษณะของสิ่งคู่ เรียกว่า คติทวินิยม ที่จริงเป็นเพียงความคิดสำคัญมั่นหมายที่เกิดขึ้นมาในจิตใจ ไปให้ค่าให้ความหมายว่า สิ่งนี้สวย สิ่งนี้ไม่สวย สิ่งนี้งดงาม สิ่งนี้น่าเกลียดน่าชัง.
#ประโยคที่ ๒ "เมื่อผู้คนเห็นว่าบางสิ่งดี สิ่งอื่นก็กลายเป็นสิ่งเลว"
ความดี ความเลวก็เป็นลักษณะของคู่เช่นเดียวกัน ถ้ามีสิ่งดี ก็ต้องมีสิ่งเลว ถ้ามีคนดี ก็ต้องมีคนเลว การทำความดีที่ประกอบด้วยอุปาทาน ก็จะเป็นความดีที่ไม่บริสุทธิ์ ความดีที่ประกอบด้วยอุปาทาน ชื่อว่า เป็นความดีที่เป็นคู่กับความเลว.
#ประโยคที่ ๓ "เป็นกับไม่เป็นต่างเสริมสร้างกันและกัน"
เป็นกับไม่เป็น ก็คือ ภวตัณหากับวิภวตัณหานั่นเอง ภวตัณหา คือ อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ อยากเป็นนายก อยากเป็นรัฐมนตรี ฯลฯ, วิภวตัณหา คือ อยากจะไม่เป็นนั่น อยากจะไม่เป็นนี่ หรือที่เรียกว่า ยินดี ยินร้าย, อยากเป็น ก็คือ ยินดี อยากไม่เป็น ก็คือ ยินร้าย.
#ประโยคที่ ๔ "ยากกับง่าย ก็ค้ำจุนกันและกัน"
มีคำกล่าวว่า ในองค์กรใดก็ตาม ถ้าบุคคลในองค์กรช่วยกันทำงาน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่นิ่งดูดาย งานที่ยาก ก็จะกลายเป็นงานง่าย งานที่หนัก ก็จะกลายเป็นงานเบา งานที่ใหญ่ ก็จะกลายเป็นงานเล็ก แต่ถ้ามองในแง่ของจิตใจ ยากกับง่าย เป็นเพียงความคิดที่เข้าไปให้ค่าความหมาย.
#ประโยคที่ ๕ "ยาวกับสั้น ก็นิยามกันและกัน"
ถ้ามียาว ก็ต้องมีสั้นเป็นตัวเปรียบเทียบ ความหมายในภาษาธรรม ก็คือ ความอยาก (ตัณหา) ที่เกิดขึ้นในใจ ยกตัวอย่าง มีเชือกอยู่เส้นหนึ่งประมาณสองเมตร ถ้าบุคคลต้องการเชือกสามเมตร เชือกสองเมตรก็สั้น แต่ถ้าบุคคลต้องการเชือกเมตรเดียว สองเมตรก็กลายเป็นยาว.
#ประโยคที่ ๖ "สูงกับต่ำ ก็พึ่งพิงกันและกัน"
ถ้ามีสูง ก็ต้องมีต่ำคู่กัน ฉะนั้น ความสูงกับความต่ำจึงต้องพึ่งพิงซึ่งกันและกัน มักจะได้ยินคำพูดที่ว่า ปุถุชนจิตใจต่ำ เพราะถูกกิเลสครอบงำ อริยชนจิตใจสูง เพราะมีสติปัญญา จิตจึงอิสระอยู่เหนือกิเลส แต่สัจธรรมที่แท้จริง ไม่มีความคิดว่าสูง ไม่มีความคิดว่าต่ำ.
#ประโยคที่ ๗ "ก่อนกับหลัง ก็ตามกันและกัน"
ถ้ามีก่อน ก็ต้องมีหลังคู่กัน ก่อนหลังใช้ได้กับสมมุติบัญญัติของสังคม แต่ภาษาธรรม คือ ความสำคัญมั่นหมาย เป็นเพียงความคิดปรุงแต่ง คิดว่า มีก่อน คิดว่า มีหลัง สิ่งที่เรียกว่า ความว่าง ซึ่งเป็นความจริงแท้ หมายถึง ว่างจากความคิดว่า มีก่อน มีหลัง. (๒๕ เม. ย.๖๖)