#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
##จิตหนึ่งไม่เพิ่มไม่ลด#!!!
##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๒๓๖, หน้า ๘๒; จะขอแบ่งออกเป็น ๔ ประโยค ดังนี้ :-
##ประโยคที่ ๑ ""ตามที่จริงแล้ว ไม่มีความทวีตัวเป็นความอเนกอนันต์แห่งรูปทั้งหลาย, ไม่มีความรุ่งเรืองอย่างสวรรค์"" ที่ว่า ไม่มีความทวีตัวเป็นความอเนกอนันต์แห่งรูป หมายความว่า จิตหนึ่ง ไม่มีความคิดปรุงแต่งทุกชนิด,
วลีนี้ท่านอาจารย์พุทธทาสแสดงความเห็นไว้ว่า "รูปในที่นี้ หมายถึงทั้งสิ่งที่มีรูปหรือลักษณะของสิ่งที่ไม่มีรูป" ฉะนั้นรูปในที่นี้ รวมทั้งรูปที่เป็นปรากฏการณ์ภายนอก และรูปที่เป็นความคิดปรุงแต่งด้วย เรียกว่า รูปมายาของสังขตะ; ที่ว่า ไม่มีความรุ่งเรืองอย่างสวรรค์ หมายความว่า จิตหนึ่งปราศจากความคิดปรุงแต่งเรื่องสวรรค์ ไม่คิดหลงไหลมัวเมาสวรรค์.
##ประโยคที่ ๒ ""ไม่มีชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์ หรือไม่มีการยอมจำนนต่อผู้ชนะ เนื่องจากไม่มีใครมีชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์"" ที่ว่า ไม่มีชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์ หมายความว่า สภาวะของจิตหนึ่ง ว่างจากความคิดว่า มีชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์;
ที่ว่า ไม่มีการยอมจำนนต่อผู้ชนะ หมายความว่า จิตหนึ่ง ไม่มีความคิดว่า ฉันเป็นผู้ยอมจำนนต่อผู้ชนะ; ที่ว่า เนื่องจากไม่มีใครมีชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์ หมายความว่า ที่มีความคิดว่ามีชัยชนะ มีผู้ยอมจำนนต่อผู้ชนะ ก็เพราะมีความคิดว่า "มีผู้ชนะ" นั่นเอง.
##ประโยคที่ ๓ ""ดังนั้นจึงไม่อาจมีการได้สามัญญาตามแบบฉบับว่า ใครได้เป็นพุทธะสักองค์หนึ่ง"" คนทั่วไปจะมีความคิดว่า พระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเรียกกันในปัจจุบันว่า พุทธคยา ก็เพราะมีชัยชนะมารอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะ ก็คือ กิเลสมาร.
ท่านฮวงโปต้องการชี้ให้เห็นว่า ธรรมชาติของจิตหนึ่ง ว่างจากความคิดว่า มีใครได้เป็นพุทธะ; คำว่า "ใคร" หมายถึง ความคิดที่เป็นอัตตา, ไม่มีใคร ก็คือ ไม่มีอัตตาตัวตน.
##ประโยคที่ ๔ ""และเนื่องจากไม่มีการพ่ายแพ้ จึงไม่อาจมีการได้สมัญญาตามแบบฉบับนั้น ๆ ว่าใครเป็นสามัญสัตว์ไปได้เลย"" สภาวะของจิตหนึ่ง เป็นธรรมชาติที่ว่างจากความคิดว่า มีการพ่ายแพ้ ที่ไม่มีความคิดว่า มีการพ่ายแพ้ ก็เพราะไม่มีความคิดว่า มีผู้พ่ายแพ้
คำว่า "ผู้" จะเรียกว่า เป็นอัตตา ก็ได้เหมือนกัน คือความคิดว่า ตน, เพราะมีตน จึงมีความคิดว่า พ่ายแพ้, ฉันพ่ายแพ้ กูพ่ายแพ้ แต่ถ้าไม่มี "ตน" อย่างเดียว, ทุกอย่างก็ไม่มี. (๒๘ ส. ค.๖๒)