#สัจจะไร้สิ่งคู่.

#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.

เรื่อง เราชาวพุทธพึงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด. (ตอนที่ ๒ “ตน” โดยปรมัตถ์)

โดย: Lita De Pran
ชอบ: (0)
ไม่ชอบ: (0)
Created: 18 Jan 2020

เรื่อง เราชาวพุทธพึงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด. (ตอนที่ ตนโดยปรมัตถ์)

๒.ตนโดยปรมัตถ์ ในภาษาธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นอนัตตา คือ ไม่มีอยู่จริง โดยเฉพาะคำสอน เรื่อง ขันธ์ ว่าด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งหมดเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัว-ไม่ใช่ตน เราท่านทั้งหลาย ควรรู้ และน้อมรับปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ความไม่เป็นทุกข์ เพื่อการมองเห็นทุกข์ทางจิตใจนั่นเอง

สิ่งที่เรียกว่า ชีวิต มีองค์ประกอบคือขันธ์ กล่าวคือ -รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ- นี้ เป็นอนัตตา, แต่เราท่านทั้งหลาย มองเห็นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวเป็นตน โดนเฉพาะวิญญาณ คนส่วนมากมีความเชื่อว่า เมื่อร่างกายนี้ดับสลายไปแล้ว แต่ดวงวิญญาณยังอยู่ ยังมีการเกิดใหม่ ซี่งผิดไปจากคำสอนของพระพุทธองค์เพราะตนโดยปรมัตถ์นี้เป็นอนัตตา, ร่างกาย-รูป มีลักษณะเกิดดับ, ที่เราเห็นว่ามีรูปอยู่ตลอดเพราะมีอุปาทาน, เวทนา, สัญญา (ความจำ), สังขาร และวิญญาณ (การรับรู้) เป็นสิ่งที่มีลักษณะเกิด-ดับ, เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอนิจจัง.

การมองเห็นว่าขันธ์ นั้นเป็นเพียงสักว่าธาตุ กล่าวคือ รูปธาตุ เวทนาธาตุ สัญญาธาตุ สังขารธาตุ วิญญาณธาตุ สิ่งเหล่านี้เป็นภาษาวิทยาศาสตร์, แต่ในภาษาธรรมสิ่งเหล่านี้ไม่มี เป็นอนัตตา, ฉะนั้น หากท่านมีความเข้าใจผิดเรื่องขันธ์ ว่ามีอยู่จริง จึงเรียกได้ว่า มีมิจฉาทิฏฐิแต่หากเราพิจารณาด้วยความเห็นที่ถูกต้อง ว่าตนโดยปรมัตถ์ นั้นเป็นอนัตตา ไม่มีอยู่จริง จักเรียกว่าสัมมาทิฏฐิสมดังพระบาลีกล่าวว่าสัมมาทิฏฐิ สมาทานา สัพพัง ทุกขัง อุปัจจคุง”.

คนจะล่วงพ้นความทุกข์ได้เพราะสมาทานสัมมาทิฏฐิ แต่จะหมดความทุกข์ได้ ต้องมีสัมมาทิฏฐิ

ฉะนั้น ท่านทั้งหลาย จะหมดทุกข์ได้นั้น ต้องพึงเห็นว่า ขันธ์ เป็นอนัตตา ไม่มีอยู่จริง ดังนั้น การยึดถือตนโดยสมมติ ยังมีกิเลสครอบงำจิตใจอยู่ แต่ตนโดยปรมัตถ์นั้นต่างหากที่เป็นการยึดถือด้วยสติปัญญาด้วยความเห็นแจ้งเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ซึ่งในที่สุดจะได้รับความสุข ความสงบในจิตใจตนเป็นแน่แท้

เรียบเรียงธรรมบรรยาย โดย ลลิต มณีธรรม.

No comments yet...

Leave your comment

38454

Character Limit 400