#สัจจะไร้สิ่งคู่.

#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.

วันพระ​ แรม​ ๘​ ค่ำเดือน​ 11

           อิธ ภิกฺขเว อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ ทิฏฐิฏฐานํ โสภ โลโก

          โส อตฺตา โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติ

           สมํ ตเกว ฐสฺสามีติ ตมฺปิ เอตํ มุํ เอโสหมสฺมิ เอโสเม อตฺตาติ สมนุปสฺ สติฯ     

           ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไม่ได้สดับพระอริยะทั้งหลาย

           ย่อมพิจารณาเห็นว่า เรานั่นจักเป็นผู้เที่ยง ยั่งยืน คงที่ ไม่มีแปรปรวนเป็นธรรมดา

           จักตั้งอยู่เสมอด้วยความเที่ยงอย่างนั้นว่านั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา.

         สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนทั่วๆ ไป รวมถึงพวกเราทุกๆ คน ตั้งแต่เด็กๆ ชีวิตเราจะถูกปลูกฝัง  ว่าเราเป็นใคร ชื่ออะไร เป็นผู้ชาย เป็นผู้หญิง มีสิทธิ์อะไร ต้องทำอะไร ต้องเรียนหนังสือ ต้องทำงาน ต้องมีครอบครัว ฯลฯ

         สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกปลูกฝังเพื่อให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจว่าเป็นวงจรของชีวิต ต้องเป็นอย่างนั้นต้องได้อย่างนี้ เป็นข้อมูลพื้นฐานของชีวิตเป็นความคิดเห็นที่ถูกสะสมมาเพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์ และประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องให้ดีมีชีวิตอยู่ในสังคม รู้จักพัฒนาตัวเองโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือเป็นภาระต่อสังคม       

         หากเราไม่ได้รับการปลูกฝังในลักษณะนี้ ชีวิตเราก็จะยิ่งมีความเห็นผิด เกิดปัญหาในการดำรงอยู่ในสังคมจะวุ่นว่าย ไม่สามารถควบคุมได้ จึงยังจำเป็นที่เราจะต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เป็นฐานข้อมูลและพัฒนาจิตใจให้เข้าใจถึงสภาวะตามความเป็นจริง ว่าชีวิตเรานี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ไม่มีอะไรคงอยู่ ทุกสรรพสิ่งย่อมแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถคงอยู่ได้ มีความเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา มีแต่จิตใจของเรานี้ที่หลงผิดไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น เป็นทิฏฐิความเห็นที่ถูกสะสมมาแบบผิดๆ

        เมื่อเราได้สดับฟังคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ตรัสว่าความที่เราเห็นว่า เรานั่นจักเป็นผู้เที่ยง ยั่งยืน คงที่ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา จักตั้งอยู่เสมอด้วยความเที่ยงอย่างนั้นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตา            พระพุทธองค์เรียกว่า "วิปลาส ๓" วิ ป ล า ส  ๓ วิปลาส คือความรู้ที่คลาดเคลื่อน ความรู้ที่ผันแปรผิดพลาดไปจากความเป็นจริงของธรรมชาติ วิปลาส มี ๓ อย่างคือ

       ๑. สัญญาวิปลาส คือสัญญา (ความจำได้) ที่คลาดเคลื่อน หรือผิดพลาดไปจากความเป็นจริง คือความจำว่าเราเป็นอะไร ทำอะไร ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เราเก็บเอาไว้จากการประสบพบเจอเรื่องต่าง แล้วนำมาบันทึกไว้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการการคิดการนึก;         ๒. จิตตวิปลาส คือความคิดที่คลาดเคลื่อน หรือผิดพลาดจากความเป็นจริง ธรรมชาติของจิตนั้นทำหน้าที่ในการรับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆ แล้วก็นำมาประมวลผล กล่าวคือการคิด การใคร่ครวญในเรื่องต่างๆ โดยใช้ฐานข้อมูลคือสัญญามาใช้

       ๓. ทิฏฐิวิปลาส คือทิฏฐิหรือความเห็นที่คลาดเคลื่อน หรือผิดพลาดไปจากความเป็นจริง ความเห็นเกิดจากการที่จิตนำฐานข้อมูลมาประมวลผล (การคิด) แล้วตกผลึกออกมาเป็นความเห็น กล่าวคือเมื่อเรามีฐานข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ความคิดที่มาจากฐานข้อมูลที่คลาดเคลื่อน จะส่งผลให้ความเห็นนั้นคลาดเคลื่อน

       วิปลาสทั้ง ๓ นี้ ทำงานสอดคล้องประสานกัน ดังนั้นหากเรามีฐานข้อมูลในจิตว่า ตัวเรานี้เที่ยง ตัวเรานี้มีอยู่ เราต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ สัญญาในลักษณะนี้เรียกได้ว่าเป็นสัญญาวิปลาส เป็นสิ่งที่เราถูกปลูกฝังมาให้เติบโตเป็นประสบการณ์ ว่าฉันมีอยู่ นี่ตัวฉัน บ้านของฉัน ฯลฯ

       เมื่อเราเห็นแบบนี้ มีฐานข้อมูลแบบนี้อยู่ในความคิด เวลาเราคิดอะไรสัญญาในการจดจำจะทำการประมวลผลข้อมูลผ่านจิตและสะสมเป็นความคิดเห็น คือสิ่งที่ตกผลึกออกมาเป็นทิฏฐิ

        การที่เรามีความคิดเห็นเหล่านี่ล้วนแต่เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น ชีวิตเราก็จะเต็มไปด้วยความอึดอัด รู้สึกบีบคั้น เป็นทุกข์ไม่สบายใจไปตามความยึดมั่นถือมั่นที่จิตคิดปรุงแต่งไป.

No comments yet...

Leave your comment

16328

Character Limit 400