#สัจจะไร้สิ่งคู่.

#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.

#ความคิดสุดโต่งคือมายา#!!

      ##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๒๒๔, หน้า ๘๕; จะขอแบ่งออกเป็น ๒ ประโยค ดังนี้ :-

      ##ประโยคที่ ๑ ""ข้อนี้เป็นคำเตือนที่ต่อต้านความคิดที่ว่า ตัวตนมีอยู่ หรือไม่มีอยู่, และเพราะคิดเช่นนั้น จึงตกลงไปสู่ความผิดพลาดแห่งความคิดว่า มีอยู่อย่างแตกต่างกันเป็นพิเศษ""

      ข้อความดังกล่าวนี้ เป็นคำตอบของท่านฮวงโปที่เนื่องมาจากคำตอบเบื้องต้น ซึ่งมีผู้ถามในตอนที่ ๒๔๒; ทบทวนคำตอบเบื้องต้น "สำหรับท่านไม่มีอะไรเลยที่จะเห็นได้จริง ๆ ทำไม ? เพราะพระโพธิสัตว์แห่งอนันตภาวะนั้น คือ พระตถาคต, ทั้งยังแถมอีกว่า ความประสงค์ที่จะดู ย่อมไม่เกิดขึ้นเลย" 

      ข้อความดังกล่าวนี้เอง ที่ท่านพูดเท้าความไปถึง; ข้อความในประโยคนี้ที่ว่า "ข้อนี้เป็นคำเตือนที่ต่อต้านความคิดที่ว่า ตัวตนมีอยู่ หรือไม่มีอยู่" ความคิดว่า ตัวตนมีอยู่ เรียกว่า สัสสตทิฏฐิ, ตัวตนไม่มีอยู่ เรียกว่า อุจเฉททิฏฐิ; ที่ว่า "และเพราะคิดเช่นนั้น จึงตกไปสู่ความผิดพลาดแห่งความคิดว่า มีอยู่อย่างแตกต่างกันเป็นพิเศษ" สัสสตทิฏฐิ ก็สุดโต่งไปฝ่ายหนึ่ง, อุจเฉททิฏฐิ ก็สุดโต่งไปอีกฝ่ายหนึ่ง, จะเห็นว่า มีผลแตกต่างกันอย่างชัดเจน.

      ##ประโยคที่ ๒ ""และทั้งเพื่อต่อต้านความคิดที่ว่า มีบุคคลที่ยังโง่หลงอยู่ และบุคคลที่ตรัสรู้แล้ว ซึ่งเพราะคิดเช่นนั้น จึงได้ตกลงไปสู่ความหลงผิดชนิดเดียวกับที่กล่าวแล้ว""

      คำสอนที่ต่อต้านความคิดว่า มีบุคคลที่ยังโง่หลงอยู่และบุคคลที่ตรัสรู้แล้ว ซึ่งเป็นลักษณะของคติทวินิยมนั้น ก็คือ ข้อความที่ได้เขียนไปแล้ว ทบทวนอีกครั้ง "สำหรับท่านไม่มีอะไรเลยที่จะเห็นได้จริง ๆ ทำไม?, เพราะพระโพธิสัตว์แห่งอนันตภาวะนั้น คือพระตถาคต, ทั้งยังแถมอีกว่า ความประสงค์ที่จะดู ย่อมไม่เกิดขึ้นเลย" 

      เมื่อตระหนักรู้อยู่กับความว่าง ประจักษ์แจ้งอยู่กับพุทธภาวะ, สิ่งที่เรียกว่า ความคิดในลักษณะคติทวินิยม ก็ย่อมไม่เกิด; ในประโยคนี้ท่านเน้นไปถึงคู่ที่ว่า "มีบุคคลที่ยังโง่หลงอยู่ และบุคคลที่ตรัสรู้แล้ว" ท่านต้องการจะชี้ให้เห็นว่า ความคิดในลักษณะของคติทวินิยมทุกชนิด ล้วนแต่มายา เป็นความคิดที่สุดโต่ง; แต่ถ้าว่าง (สุญญตา) จากความคิดแบบสุดโต่งที่เป็นคู่ ๆ ทุกอย่าง นั่นแหละเรียกว่า มีความเห็นถูกต้อง. (๑๖ พ. ย.๖๒)

No comments yet...

Leave your comment

60335

Character Limit 400