#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
##ถาวรคิดบังถาวรแท้#!!!
##คำสอนของท่านเว่ยหล่าง, อยู่ในหมวดที่ ๘, หน้า ๑๒๐; จะนำมาเขียนสัก ๓ ประโยค ดังนี้ :-
##ประโยคที่ ๑ ""พระสังฆปริณายกตอบว่า "ครั้งหนึ่งฉันได้ให้ภิกษุณีชื่อ วูจุงจอง อ่านมหาปรินิพพานสูตรให้ฉันฟังตลอดทั้งเล่ม เพื่อฉันจะได้อธิบายให้เธอฟังได้, ทุก ๆ คำพูดและทุก ๆ ความหมายที่ฉันได้อธิบายไปในครั้งนั้น ก็ตรงกับคัมภีร์ทั้งสิ้น และที่ฉันกำลังอธิบายให้ท่านฟังในขณะนี้ก็อย่างเดียวกัน ไม่มีอะไรแตกต่างกันไปจากคัมภีร์เลย""
ครั้งสมัยที่พระสังฆปริณายกได้กับมาตำบลโชฮัวแห่งเมืองชิวเจา และได้พบกับภิกษุณีจูจุงจอง ครั้นภิกษุณีจูจุงจองถามถึงความหมายในมหาปรินิพพานสูตร พร้อมทั้งสาธยายพระสูตรให้ฟัง พระสังฆปริณายกจึงชี้ให้เห็นว่า สัจธรรมมีอยู่แล้วที่จิตใจ.
##ประโยคที่ ๒ ""จางกล่าวว่า "เนื่องจากปัญญาของข้าพเจ้าทึบ ท่านกรุณาอธิบายอย่างละเอียดและพิสดารให้ข้าพเจ้าฟังด้วย"; พระสังฆปริณายกกล่าวว่า "ท่านไม่เข้าใจดอกหรือว่า ถ้าธรรมชาติแห่งพุทธะเป็นสิ่งถาวร ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาพูดถึงธรรมที่เป็นกุศลและธรรมที่เป็นอกุศล และตราบจนกระทั้งสิ้นกัลป์ ก็ยังไม่มีใครจะปลุกโพธิจิตได้""
ที่ได้เขียนไปบ้างแล้วว่า คนส่วนมากมักจะยึดติดอยู่กับสิ่งที่เป็นคู่ ๆ ที่เรียกว่า คติทวินิยม เช่น พอพูดว่า "พุทธะเป็นสิ่งถาวร" ก็เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในภาษา ในตัวหนังสือ หรือเสียงที่ออก ดังนั้นจึงกลายเป็นพุทธะคิดไป.
##ประโยคที่ ๓ ""เพราะฉะนั้น เมื่อฉันพูดว่า ไม่ถาวร ก็ตรงกับสิ่งที่สมเด็จพระพุทธองค์ตรัสว่า ถาวรโดยแท้จริงเช่นเดียวกัน, ถ้าธรรมทั้งมวลเป็นสิ่งไม่ถาวร สิ่งต่าง ๆ หรือวัตถุต่าง ๆ ก็ย่อมมีธรรมชาติของมันเองที่จะเกิดและดับ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ ย่อมหมายความว่า ภาวะที่แท้แห่งจิตอันเป็นสิ่งที่ถาวรโดยแท้จริง ย่อมไม่แผ่ซ่านไปทั่วทุกแห่ง เพราะฉะนั้น เมื่อฉันพูดว่า ถาวร ก็ตรงกับสิ่งที่สมเด็จพระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่ถาวรโดยแท้จริง""
ถาวรที่เป็นคู่กับไม่ถาวรเป็นเพียงมายาของความคิด เมื่อไม่ยึดติดกับความคิดว่า ถาวรที่เป็นคู่กับไม่ถาวร, พุทธะแท้ก็แจ่มแจ้งออกมา. (๒๗ พ. ย.๖๒)