#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
##สัจจะแท้ต้องนิ่งและเงียบ.
##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๒๖๙, หน้า ๙๕; จะขอแบ่งออกเป็น ๒ ประโยค ดังนี้ :-
##ประโยคที่ ๑ ""ใครก็ตามเข้าใจความจริงข้อนี้ได้ทันที เขาก็อยู่เหนือการนำของพระอรหันต์ทั้งหลาย""
ข้อความดังกล่าวนี้ เนื่องมาจากข้อความในตอนที่แล้ว ซึ่งมีว่า "เมื่อท่านโพธิธรรมมาจากอินเดีย ท่านถ่ายทอดแต่จิตพุทธะเท่านั้น ท่านเพียงแต่ชี้ความจริงในข้อที่ว่า จิตของพวกเราทุกคนเป็นอันเดียวกับพุทธะมาแล้ว แต่เริ่มแรกเดิมทีทีเดียว และไม่มีทางที่จะแยกกันได้แต่อย่างใดเลย นั่นแหละคือ ข้อที่ว่า ทำไมเราจึงเรียกท่านว่า สังฆปริณายกของเรา""
จิต คือ พุทธะ, จิตกับพุทธะ เป็นภาวะอันเดียวกัน จิตที่เป็นพุทธะ หมายถึง จิตว่างหรือสุญญตา ผู้ใดเห็นแจ้งจิตว่าง ก็แสดงว่า ผู้นั้นเห็นแจ้งพุทธะ; ท่านกล่าวว่า ใครก็ตามที่เข้าใจอย่างนี้ เขาก็อยู่เหนือการนำของพระอรหันต์ หมายความว่า ไม่ต้องมีใครมาชี้นำอีก แม้แต่พระอรหันต์ เพราะว่า ประจักษ์แจ้งอยู่ด้วยตนเองแล้ว ไม่ต้องเชื่อใครอีกต่อไป.
##ประโยคที่ ๒ ""และอยู่เหนือคำสอนอันถนัดปากและถนัดมือของพวกยานทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นยานใด ได้ทั้งหมดในทันทีอีกเหมือนกัน""
ยานสามมีอะไรบ้าง?, ๑) เกวียนเทียมด้วยแพะ เป็นยานระดับต่ำสุด หมายถึง สาวกยาน. ๒) เกวียนเทียมด้วยกวาง เป็นยานระดับปานกลาง หมายถึง ปัจเจกพุทธยาน. และ ๓) เกวียนเทียมด้วยวัว เป็นยานระดับสูง หมายถึง โพธิสัตว์ยาน; ยานทั้งสามนี้ ท่านฮวงโปได้ชี้ให้เห็นว่า ยังไม่ใช่ยานที่สูงสุด.
สิ่งที่เรียกว่า ยานที่แท้จริงและสูงสุดนั้น เปรียบเหมือนกับเกวียนที่เทียมด้วยวัวขาว เรียกว่า พุทธยาน; ท่านจึงพูดล้อไว้ว่า "และอยู่เหนือคำสอนอันถนัดปากและถนัดมือของพวกยานทั้งสาม" คำสอนที่ถนัดปากถนัดมือ ออกมาจากความคิดปรุงแต่ง แต่สัจจะที่แท้จริง กล่าวคือ พุทธยาน ต้องหุบปากเงียบ. (๑๒ พ. ย.๖๓)