#สัจจะไร้สิ่งคู่.

#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.

##สติปัญญาคืออุปสรรค.

      ##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๒๗๕- ๒๗๖, หน้า ๙๖- ๙๗; จะขอแบ่งออกเป็น ๒ ประโยค ดังนี้ :-

      ##ประโยคที่ ๑ ""พวกที่แสวงหาสัจธรรมนี้ โดยวิธีของการใช้สติปัญญาและการศึกษานั้น มีแต่จะถอยห่างออกไปจากมันทุกที ๆ เท่านั้นเอง""

      คำว่า สติปัญญา มีอยู่ ๒ ความหมาย คือ: ๑) สติปัญญาที่เป็นความคิด เป็นความรู้ในลักษณะของปริยัติ การใคร่ครวญ การวิเคราะห์ การคำนวณเอาด้วยเหตุผล เรียกว่า จินตามยปัญญา และ ๒) สติปัญญาที่ประจักษ์แจ้งอยู่กับความว่างจริง ๆ เป็นสติปัญญาที่สามารถหยุดความคิดปรุงแต่งได้ สามารถป้องกันไม่ให้กิเลสหรือความทุกข์เกิดขึ้นมาได้

      มีพุทธภาษิตว่า แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี หมายถึง ปัญญาที่ประจักษ์แจ้งอยู่กับจิตหนึ่งนั่นเอง; คำว่า สัจธรรม หมายถึง จิตหนึ่งหรือความว่าง (สุญญตา) สิ่งที่เรียกว่า จิตหนึ่งหรือความว่าง เราไม่สามารถเห็นแจ้งได้ด้วยการใช้เหตุผลของความคิด แต่เห็นแจ้งได้ด้วยสติปัญญาที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญา หยุดการใช้เหตุผลของความคิด แล้วสัจธรรมแท้ก็ประจักษ์แจ้งออกมา.

      ##ประโยคที่ ๒ ""จนกว่าเมื่อไร ความคิดของเธอหยุดแตกกิ่งแตกก้านทางโน้นทางนี้เสียทุก ๆ ทาง, จนกว่าเมื่อไร พวกเธอจะสลัดความคิดในการแสวงหาอะไรบางอย่างเสียได้ทุก ๆ ทาง, และจนกว่าเมื่อไร จิตของพวกเธอจะหยุดการเคลื่อนไหวเสียได้ราวกะว่า มันเป็นท่อนไม้หรือก้อนหินเท่านั้น ที่พวกเธอจะเดินถูกทางไปสู่ปากประตูที่กล่าวนั้นได้""

      ข้อความดังกล่าวนี้ ท่านอาจารย์พุทธทาสได้แสดงความเห็นไว้ว่า "คำว่า ปากประตูในที่นี้ เป็นคำกล่าวอย่างปุคลาธิษฐาน ราวกะบ้านเมืองเพื่อความสะดวก และหมายถึงปากประตูแห่งความสงบเงียบอยู่เหนือกรรมนั่นเอง" 

      ท่านฮวงโปชี้ให้เห็นว่า เหตุผลของความคิด คือ อุปสรรคที่เข้ามาปิดบังขวางกั้นสภาวะของจิตหนึ่ง ซึ่งเป็นสัจธรรมที่แท้จริงและสูงสุด เปรียบดั่งเมฆที่ปิดบังแสงสว่างของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน เปลื้องความคิดปรุงแต่งออกไปให้หมดสิ้น สภาวะของจิตหนึ่งก็ประจักษ์แจ้งออกมาทันที. (๓ ม. ค.๖๔)

No comments yet...

Leave your comment

30406

Character Limit 400