#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
##สังขตะเป็นดั่งความฝัน.
##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๒๙๗, หน้า ๑๐๗; จะนำมาเขียนสัก ๒ ประโยค ดังนี้ :-
##ประโยคที่ ๑ ""โดยความจริงแล้ว ธรรมของพุทธะเหล่านั้น มิได้ถูกสอนโดยทางคำพูด หรือโดยวิธีทำความเข้าใจกันโดยวิธีอื่นใด""
ท่านชี้ให้เห็นในลักษณะว่า ธรรมะที่แท้จริงนั้น อยู่เหนือคำพูดของมนุษย์ ต้องถ่ายทอดกันแบบจิตถึงจิต มีโศลกของพระโพธิธรรมอยู่บทหนึ่งว่า "แม้เราได้ถ่ายทอดให้แล้วซึ่งธรรมะแห่งจิต ธรรมะก็จะเป็นธรรมะไปได้อย่างไรกัน เพราะว่าไม่ใช่ทั้งธรรมะไม่ใช่ทั้งจิตที่มีอยู่อย่างเป็นตัวเป็นตน เข้าใจข้อนี้เท่านั้น เธอจึงจะเข้าใจธรรมะซึ่งถ่ายทอดด้วยจิตถึงจิต"
ธรรมะแห่งจิต หมายถึง จิตหนึ่งหรือพระนิพพาน ซึ่งเป็นอสังขตธรรม คือภาวะที่ปราศจากความปรุงแต่ง เป็นสิ่งที่ไร้ตัวตน (อนัตตา) สภาวะอันนี้ท่านกล่าวว่า เป็นธรรมชาติที่ถ่ายทอดกันด้วยจิตถึงจิต โดยที่ไม่ต้องผ่านคัมภีร์ตำราหรือคำพูด.
##ประโยคที่ ๒ ""ทางฝ่ายผู้ฟังนั้นเล่า ไม่มีใครได้ยิน หรือไม่ได้บรรลุอะไรเลย มันเหมือนกับศาสดาในฝัน สอนประชาชนในฝัน""
คนส่วนมากมักจะติดอยู่แค่ธรรมะที่เป็นคำพูด ยึดถืออยู่กับธรรมะที่เป็นความรู้ มัวเมาอยู่กับธรรมะที่เป็นตำรา ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในฝ่ายสังขตะ ดังนั้นคนเหล่านี้ จึงมองไม่เห็นความลี้ลับของสัจธรรม กล่าวคือ จิตหนึ่งหรือพระนิพพาน อันเป็นสภาวะที่อยู่เหนือคำพูด;
ท่านจึงกล่าวว่า ผู้ฟังธรรมนั้น ก็ไม่มีใครได้ยิน และไม่มีการได้บรรลุ ท่านเปรียบเหมือนกับศาสดาในฝัน สอนประชาชนในฝัน; ความฝันแสดงถึงภาพมายา ความฝันเป็นเพียงภาพลวงของความคิดในขณะที่นอนหลับ ครั้นตื่นขึ้นมาภาพมายาของความคิดเหล่านั้น ก็ดับหายไป ผู้สอนธรรมและผู้ฟังธรรมเปรียบดั่งความฝัน. ( ๑๘ มิ. ย.๖๔)