#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
##ธรรมะมายา?#!!!
##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๓๑๔, หน้า ๑๑๓; จะขอแบ่งออกเป็น ๒ ประโยค ดังนี้ :-
##ประโยคที่ ๑ ""เราเห็นได้จากข้อนี้เองว่า ธรรมะแต่ละชนิด ทุกชนิดเป็นเพียงการสร้างสรรค์ของจิต""
ที่ท่านกล่าวว่า "ธรรมะแต่ละชนิด" หมายถึง ธรรมะที่เป็นปริยัติหรือความรู้ที่เป็นทฤษฎี ยกตัวอย่าง ธรรมะเรื่องพรหมวิหารสี่ ได้แก่ เมตตา คือ ความรัก, กรุณา คือ ความคิดที่จะช่วยเหลือ, มุทิตา คือ ความพลอยยินดี, และอุเบกขา คือ ความวางเฉย; หรือธรรมะเรื่องพละห้า ได้แก่ ศรัทธา ความเชื่อ, วิริยะ ความพากเพียร, สติ ความระลึกได้, สมาธิ ความตั้งใจมั่น, และปัญญา ความรู้ทั่ว เป็นต้น หรือหมวดธรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
ท่านได้ชี้ให้เห็นว่า หมวดธรรมะเหล่านั้น เป็นเพียงการสร้างสรรค์ของจิต ก็คือ จิตปรุงแต่งขึ้นมา เรียกว่า เป็นธรรมะมายาก็ได้ ผู้ที่หลงเพลินอยู่กับความรู้ที่เป็นปริยัติ มัวเมาอยู่กับความรู้ที่เป็นทฤษฎี ก็จะไม่มีโอกาสเห็นแจ้งต่อสัจธรรม กล่าวคือ จิตหนึ่งหรือพระนิพพาน ซึ่งเป็นธรรมะแท้.
##ประโยคที่ ๒ ""สัตว์ทุกจำพวก คือ จะเป็นมนุษย์ เทวดา สัตว์ทนทุกข์อยู่ในนรก อสูร และสัตว์อื่น ๆ ทุกชนิด บรรดาที่เกิดอยู่ในภูมิกำเนิดทั้งหกก็ตาม ทุก ๆ จำพวก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จิตเสกสรรค์ขึ้น""
ที่ได้เขียนไปบ้างแล้วในครั้งก่อน ๆ ว่า สัตว์ในภาษาธรรม หมายถึง จิตใจที่ยังข้องเกี่ยว ยังยึดติดอยู่กับสิ่งต่าง ๆ; สัตว์ที่เกิดอยู่ในภูมิทั้งหก ได้แก่ เปรต คือ ความโลภ, นรก คือ ความโกรธ, เดรัจฉาน คือ ความหลง, อสุรกาย คือ ความกลัว, มนุษย์ คือ จิตที่ยึดติดอยู่กับความดี, และเทวดา คือ จิตที่ยึดติดอยู่ในบุญ, ทั้งหมดนี้ เรียกว่า สัตว์.
ท่านได้ชี้ให้เห็นว่า สัตว์ทุกจำพวกดังกล่าว ถูกเสกสรรค์ขึ้นมาด้วยจิต ดังนั้น การที่จะหลุดพ้นไปจากความเป็นสัตว์เหล่านี้ได้ ต้องปล่อยวาง ไม่ยึดติดในสิ่งใด เป็นผู้ที่ประกอบอยู่ด้วยปัญญาญาณ. (๒๗ ส. ค.๖๔)