#สัจจะไร้สิ่งคู่.

#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.

##ไม่มีกูผู้ตรัสรู้#!!!

      ##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๓๒๒, หน้า ๑๑๕; ข้อความมีดังนี้ :-

      ""ตามที่มันเป็นอยู่จริงนั้น คือ ตลอดเวลาที่จิตของพวกเธอยังอยู่ในวิสัยที่จะต้องเคลื่อนไหวในการคิดแม้แต่นิดเดียว เธอก็ยังคงถูกปิดล้อมอยู่ในวงของความหลงผิด, ในการที่จะถือว่า "ยังหลงใหล" และ "ตรัสรู้แล้ว" ว่าเป็นภาวะที่แตกแยกต่างกัน""

      ท่านได้ชี้ให้เห็นว่า ความคิดที่ยึดติดอยู่กับสิ่งคู่ หรือที่เรียกว่า คติทวินิยมนั้น แม้ว่าอยู่ในระดับที่ละเอียด แต่ก็มีพลานุภาพในการที่จะปิดกั้นสัจธรรม กล่าวคือ จิตหนึ่งหรือจิตเดิมแท้ไว้ มิให้ประจักษ์ออกมา ในบทนี้ท่านพูดถึงคำว่า "ยังหลงใหล" และ "ตรัสรู้แล้ว" 

      ความคิดปรุงแต่งในชั้นละเอียดที่เกิดขึ้นปิดบังสัจธรรม เรียกว่า วิปัสสนูปกิเลสก็ได้ หมายถึง กิเลสที่มาในลักษณะของวิปัสสนา คำว่า วิปัสสนา แปลว่า เห็นแจ้ง, สภาวะของวิปัสสนาที่เป็นอุปกิเลส เป็นสิ่งที่ตนคิดขึ้นมาเอง คือสำคัญผิดเข้าใจไปว่า เป็นของจริง 

      แต่โดยแท้จริงแล้ว เป็นเพียงมายาของความคิดปรุงแต่งเท่านั้น เช่นคำว่า โอภาส ซึ่งแปลว่า แสงสว่าง บางครั้งมีความรู้สึกว่า จิตใจสว่างอยู่ภายใน แต่ที่จริงจินตนาการไปเองว่า จิตสว่าง, ความสว่างในลักษณะอย่างนี้ เป็นคู่กับความมืด สภาวะของจิตว่าง ไม่มีทั้งความสว่าง ไม่มีทั้งความมืด.

      ท่านจึงกล่าวว่า การที่ถือว่า "ยังหลงใหล" และ "ตรัสรู้แล้ว" ก็ยังคงถูกปิดล้อมอยู่ในวงของความหลงผิด ดังนั้น ต้องมองให้เห็นด้วยปัญญาญาณว่า แม้แต่ความเข้าใจที่ว่า ตรัสรู้แล้ว ก็คือ ความคิดปรุงแต่งอย่างหนึ่งเหมือนกัน. (๑ ต. ค.๖๔)

No comments yet...

Leave your comment

83448

Character Limit 400