#สัจจะไร้สิ่งคู่.

#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.

##เปลี่ยนกรรมเป็นกิริยา.

      ##คำสอนท่านฮวงโป, ตอนที่ ๓๒๘, หน้า ๑๑๖; จะขอแบ่งออกเป็น ๒ ประโยค ดังนี้ :-

      ##ประโยคที่ ๑ ""คราใด ที่กรรมวิธีของจิตทุกชนิดหยุดลงแล้ว กรรมก็จะไม่ถูกสร้างขึ้นแม้แต่สักอนุภาคเดียว""

      คำว่า กรรม ที่ได้เขียนไปแล้วในครั้งก่อนว่า หมายถึง การกระทำที่ประกอบด้วยกิเลสหรืออุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่น; กรรม มีอยู่ ๒ ความหมาย ได้แก่ กรรมชั่วกับกรรมดี, การกระทำความชั่วทางกาย เรียกว่า กายกรรมชั่ว การกระทำความชั่วทางคำพูด เรียกว่า วจีกรรมชั่ว การกระทำความชั่วทางใจ เรียกว่า มโนกรรมชั่ว

      การกระทำความดีทางกายประกอบด้วยอุปาทาน เรียกว่า กายกรรมดี, การกระทำความดีทางวาจาประกอบด้วยอุปาทาน เรียกว่า วจีกรรมดี, การกระทำความดีทางใจประกอบด้วยอุปาทาน เรียกว่า มโนกรรมดี ถ้าการกระทำทางกาย วาจา ใจ ประกอบด้วยสติปัญญา ไม่เจือด้วยอุปาทาน เรียกว่า กิริยา ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า คราใดที่กรรมวิธีของจิตทุกชนิดหยุดลงแล้ว หมายถึง ความคิดปรุงแต่งทุกชนิดได้หมดสิ้นไปแล้ว สิ่งที่เรียกว่า "กรรม" ก็จะไม่ถูกสร้างขึ้นแม้สักอนุภาคเดียว โดยเฉพาะระดับอรหันต์.

      ##ประโยคที่ ๒ ""เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว แม้ในชาตินี้เอง ใจและกายของเธอก็เป็นสิ่งที่เป็นอิสระแล้ว โดยสมบูรณ์""

      ครั้นมีจิตอิสรภาพเสรีภาพ บริบูรณ์อยู่ด้วยสติปัญญา ถ้าถึงที่สุดระดับอรหันต์ แสดงว่า กิเลสหรือความทุกข์ไม่เกิดอีกต่อไป และเป็นสิ่งที่ไม่ต้องรอชาติหน้าหลังตายให้เสียเวลา มีชาวพุทธเป็นอันมาก ที่เชื่อเรื่องชาติหน้าหลังตายแล้ว การทำบุญ บำเพ็ญความดี ก็เพื่อไปเกิดชาติหน้าที่ดี ๆ 

      ความเชื่ออย่างนี้ เข้าทำนองที่ว่า "หวังน้ำบ่อหน้า" แสดงถึงเป็นคนประมาท ที่จริงชาตินี้สำคัญที่สุด พระบรมศาสดาสอนเน้นในชีวิตปัจจุบันมากกว่า ดังปัจฉิมพุทโธวาทที่ว่า "สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนประโยชน์ผู้อื่น ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด" ผู้ไม่ประมาทที่แท้จริงและสูงสุด ก็คือ พระอรหันต์. (๒๐ ต. ค.๖๔)

No comments yet...

Leave your comment

41957

Character Limit 400