#สัจจะไร้สิ่งคู่.
#คัมภีร์ เต๋า เต๋อ จิง.
เรื่อง มารู้จัก “กาลามสูตร” ให้ถ่องแท้กันเทอญ
เรื่อง. มารู้จัก“กาลามสูตร” ให้ถ่องแท้กันเทอญ
“ตุมฺเห กาลามา อตฺตนาวชาเนยฺยาถ อิเม ธมฺมา อกุสลา อิเม ธมฺมา สาวชฺชา อิเมธมฺมาวิญฺญุครหิตา อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนาอหิตายทุกฺขายสํวตฺตนฺตีติ.”
“เมื่อใดท่านผู้เป็นชาวกาลามะพึงรู้ด้วยตัวเองว่าธรรมเหล่านี้เป็นอกุศลธรรมเหล่านี้มีโทษธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียนธรรมเหล่านี้ใครสมาทานแล้วเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เพื่อทุกข์เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย.”
เป็นพระสูตรขึ้นต้นของ“กาลามสูตร” เนื่องด้วยพระพุทธองค์ได้เสด็จไปชุมชนแห่งหนึ่งนามว่า“กาลามโคตร” ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ทำให้มีผู้คนเดินทางสัญจรไปมาตลอดเวลาและรวมถึงครูจำนวนมากที่มาเผยแผ่คำสอนซึ่งแตกต่างกันไปดังนั้นชาวกาลามะได้ทูลถามว่าเราจะเชื่อคำสอนใครนำมาปฏิบัติดีจึงเป็นเหตุให้พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเรื่องกาลามสูตร๑๐ประการดังนี้คือ
๑.มาอนุสฺสวเนน- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อด้วยการฟังคำพูดที่ได้ยินตามกันมา
๒.มาปรมฺปราย- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อตามถ้อยคำการถือสืบๆกันมา
๓.มาอิติกิราย- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อด้วยข่าวที่ได้ยินมา
๔.มาปิฏกสมฺปทาเนน- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำรา
๕.มาตกฺกเหตุ- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อเพราะคิดเอาเอง
๖.มานยเหตุ- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน(คาดคะเน)
๗.มาอาการปริวิตกฺเกน- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
๘.มาทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
๙.มาภพฺพรูปตา- อย่าพึ่งปลงใจเชื่อมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
๑๐.มาสมโณโนครูติ- ข้อนี้สำคัญที่สุดอย่าพึ่งปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเราซึ่งแม้แต่ตัวพระพุทธองค์ตรัสเองก็อย่าพึ่งปลงใจเชื่อเช่นความโลภมันร้อนอย่างไร? มันเป็นประโยชน์หรือมีโทษอย่างไร? เราทุกท่านสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง
ในขณะนี้ได้ข่าวเรื่องการดื่มน้ำปัสสาวะเพื่อรักษาโรคซึ่งตามข่าวว่าพระพุทธเจ้าสนับสนุนให้ทุกคนสามารถดื่มน้ำมูตรของตนเองหรือปัสสาวะโดยกล่าวอ้างว่าเป็นเภสัชหรือยา
จึงขอชี้แจ้งดังนี้
-ตามพระสูตรที่๑สนฺตุฏฺฐิสูตร(สันโดษ) ซึ่งพระองค์แนะนำให้ภิกษุอยู่อย่างสันโดษซึ่งตรงนี้มีข้อความท่อนหนึ่งว่า(อรรถกถาขุททกนิกายขุททกปาฐะอิติวุตตกวรรณนา)
“ปุติมุตตตเภสัช” ตามพจนานุกรมพจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป.อ. ปยุตฺโต) ให้ความหมายว่าเป็นยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าตามคัมภีร์อรรถกถาจารย์ได้ให้ความหมายว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าลูกสมอที่ดองด้วยปัสสาวะของโค, อรรถกถาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่าเป็นเภสัชชนิดใดชนิดหนึ่งที่เขาสละคือทิ้ง.
-เหตุผลที่พระองค์ตรัสเรื่องน้ำมูตรเน่าอันเนื่องเพราะพระภิกษุในยุคนั้นอาศัยตามป่าซี่งไกลชุมชนและยากไร้ไม่มียารักษาโรคซึ่งไม่ประสงค์จะรบกวนญาติโยมจึงทำให้เกิด“ปุติมุตตตเภสัช” เกิดขึ้นในยุคนั้นเพราะไม่มียาไม่มีหมอรักษาโรคนั่นเอง
-อีกพระสูตรหนึ่งชื่อ“มหาธรรมสมาทานสูตร” หรือธรรมสมาทาน๔” คือข้อที่ยึดถือเอาเป็นหลักความประพฤติปฏิบัติพระองค์ตรัสไว้๔ประเภทดังนี้
๑.ธรรมสมาทานที่ให้ทุกข์ในปัจจุบันและมีทุกข์เป็นผลต่อไป
๒.ธรรมสมาทานที่ให้ทุกข์ในปัจจุบันแต่มีสุขเป็นผลต่อไป
๓.ธรรมสมาทานที่ให้สุขในปัจจุบันแต่มีทุกข์เป็นผลต่อไป
๔.ธรรมสมาทานที่ให้สุขในปัจจุบันและมีสุขเป็นผลต่อไป
-อธิบายโดยย่อของหลักธรรมข้างต้นกล่าวคือหากเรามีวิธีปฏิบัติธรรมอย่างไรเราก็จะได้รับผลเช่นนั้นตัวอย่างหากเราปฏิบัติแบบทรมานกายเราก็จะรับทุกข์ทนเป็นผลหรือวิธีปฏิบัติที่มีสุขเบื้องต้นแล้วมีสุขเป็นผลเป็นต้น
หลักธรรมดังกล่าวมีอยู่ตอนหนึ่งอุปมา“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เปรียบเหมือนมูตรเน่าอันระคนด้วยยาต่างๆ. บุรุษที่เป็นโรคผอมเหลืองมาถึงเข้า. ประชุมชนบอกเขาว่าดูกรบุรุษผู้เจริญมูตรเน่าอันระคนด้วยยาต่างๆนี้ถ้าท่านหวังจะดื่มก็ดื่มเถิดมูตรเน่าจักไม่ชอบใจแก่ท่านผู้ดื่มทั้งสีทั้งกลิ่นทั้งรสก็แต่ท่านครั้นดื่มเข้าไปแล้วจักมีสุข. บุรุษนั้นพิจารณาแล้วดื่มมิได้วางก็ไม่ชอบใจทั้งสีทั้งกลิ่นทั้งรสครั้นดื่มแล้วก็มีสุขแม้ฉันใดภท.! เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ที่มีทุกข์ในปัจจุบันแต่มีสุขเป็นวิบากต่อไปว่ามีอุปมาฉันนั้น.
ดังนั้นจึงเป็นการดื่มน้ำมูตรตามพระสูตรนี้เป็นการ“เปรียบกับการปฏิบัติธรรมด้วยการทนการยากลำบากแล้วจะได้ผลเป็นสุข” จะเห็นได้ว่าเป็นเพียงอุปมาเปรียบเทียบเท่านั้นเองกับการปฏิบัติธรรมเท่านั้นเองและถ้าจะกล่าวถึงการรักษาโรคก็ระบุแค่โรคผอมเหลืองเท่านั้นเอง
นอกจากน้ำมูตรแล้วพระพุทธองค์ยังทรงตรัสถึงปัณณเภสัช(ยาที่ทำจากใบไม้) มูลเภสัช(ยาที่ทำจากราก) ชตุเภสัช(ยาที่ทำจากยาง) เป็นต้นซึ่งพระพุทธองค์เองบางขณะที่ทรงอาพาธยังต้องอาศัยหมอแสดงว่าปัสสาวะจากน้ำมูตรนั้นไม่สามารถรักษาได้ทุกโรค
(ตัวอย่างของผู้ที่ดื่มน้ำปัสสาวะหรือรับการบำบัดด้วยปัสสาวะอาทิเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอินเดียชื่อนายโมรัรจีเดไซประกาศว่าเหมาะกับคนอินเดียที่ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ สำหรับคนไทยหากท่านใดประสงค์จะดื่มก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละท่าน)
ในฐานะความเป็นฆราวาสอาจพิจารณาเห็นสมควรทดลองดูก็ตามสิทธิของท่านด้วยเพราะท่านอาจพบได้ด้วยตนเองดังเช่นพบว่า“เรารู้ความโกรธเกิดกับเราแล้วไม่ดีเราสามารถนำไปบอกต่อได้” หรือ“ความเมตตานั้นดีทำแล้วดีกับตนเองจึงควรนำไปบอกต่อได้“ แต่มิบังควรนำพระพุทธองค์ไปกล่าวอ้างจึงถือเป็นการทำร้ายพุทธศาสนาอย่างรุนแรงดังนั้นตามข่าวที่ปรากฎว่าปัสสาวะสามารถรักษาได้ทุกโรคจึงควรพิจารณาตามหลัก“กาลามสูตร” ซึ่งเห็นสมควรศึกษาตามพระสูตรที่กล่าวมาและสุดท้ายนี้ท่านควรใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารให้ถ่องแท้ก่อนเชื่อในข้อความที่ได้ยินได้ฟังตามๆกันมา
ด้วยเหตุนี้เราท่านทั้งหลายจงอย่ารีบเชื่อตามที่ได้ฟังกันมาอย่าเพิ่งรีบเชื่อเพราะถูกกับทิฏฐิของท่านหรือรีบเชื่อแม้สมณะนี้เป็นครูของเราสมดังคำกล่าวของท่านพระพุทธทาสว่า
“”ความโลภ””ว่ามันร้อนอย่างไรเป็นโทษอย่างไร
เมื่อท่านเห็นแล้วก็ไม่สมาทานคือไม่ปล่อยให้ความโลภเกิดขึ้นในจิตใจเรา”. นั่นเอง
เรียบเรียงธรรมบรรยาย โดยลลิต. มณีธรรม